ปลูกถั่วเหลือง
พันธุ์ที่แนะนำให้ปลูกมีหลายพันธุ์ ได้แก่
สจ. 2 ลำต้นไม่ทอดยอด ต้นไม่ล้ม เจริญเติบโตได้ดี และให้ผลผลิตสูงในปลายฤดูฝนและฤดูแล้ง ฝักไม่แตกง่าย อายุเก็บเกี่ยว 95 วัน ไม่ต้านทานโรคราสนิม ตาเมล็ดสีน้ำตาลแดง (ชาวบ้านเรียกพันธุ์ตาแดง)
สจ. 4 ให้ผลผลิตสูงกว่า สจ.2 คุณภาพของเมล็ดดี ปลูกได้ผลดีทั้งฤดูแล้งและฤดูฝน ต้านทานต่อโรคราสนิม อายุเก็บเกี่ยว 99 วัน ตาเมล็ดสีน้ำตาลอ่อน
สจ. 5 ทนทานต่อโรคราสนิม และโรคใบด่างดีกว่า สจ. 4 ผลผลิตในฤดูแล้งดีกว่า สจ. 4 แต่ในฤดูฝนให้ผลผลิตใกล้เคียงกัน อายุเก็บเกี่ยว 98 วัน ตาเมล็ดสีน้ำตาลอ่อน เป็นที่ต้องการของตลาด
เชียงใหม่ 60 ทนทานต่อโรคราสนิมได้ดีกว่า สจ. 4และ สจ. 5 เป็นพันธุ์ที่มีกิ่งน้อย แต่ในจำนวนฝักมาก สามารถเพิ่มจำนวนต้นต่อไร่ได้อีกและผลผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย ตอบสนองต่อปุ๋ยอัตราต่ำได้ดีกว่า สจ. 5 ปลูกได้ทั้งฤดูแล้งและฤดูฝน โดยให้ผลผลิตใกล้เคียงกับ สจ.4 และ สจ. 5 อายุเก็บเกี่ยว 97 วัน
นครสวรรค์ 1 (โอซีบี) เป็นพันธุ์อายุสั้นประมาณ 75 วัน เมล็ดโตกว่าทุกพันธุ์ที่กล่าวมา ตาเมล็ดสีเหลืองอ่อน เป็นที่ต้องการของตลาด แต่ต้องหลีกเลี่ยงการปลูกในแหล่งที่มีโรคราสนิมราน้ำค้างและแอนแทรกโนสเหมาะสำหรับ ปลูกในฤดูฝนในเขตภาค กลางก่อน หรือตามหลังพืชไร่อื่นๆ แต่สามารถปลูกได้ทั้งฤดูฝนและฤดูแล้ง
สุโขทัย 1 เป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกในภาคเหนือตอนล่าง เช่น สุโขทัย กำแพงเพชร เป็นต้น ให้ผลผลิตสูงเมื่อปลูกในฤดูฝน อายุเก็บเกี่ยว 96 วัน ตาเมล็ดสีเหลืองฟางข้าว เป็นพันธุ์ที่เกิดโรคเมล็ดสีม่วงค่อนข้างมากกว่าพันธุ์อื่นๆ แต่ต้านทานต่อโรคใบด่างและใบจุดนูน (ชาวบ้านเรียกว่าพันธุ์ผักบุ้งเพราะมีใบคล้ายผักบุ้ง และต้นทอดยอด)
แหล่งผลิต
แหล่งผลิตถั่วเหลืองในปัจจุบันได้กระจายไปทุกภาคของประเทศไทย จากการพยากรณ์โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2544/45 พบว่า ภาคเหนือมีพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองมากที่สุด คือ 1,030,549 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 69.66 รองลงมา ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 17.31 , 11.73 และ 1.3 ตามลำดับ
ฤดูการผลิต
1. ถั่วเหลืองต้นฤดูฝน
เกษตรกรจะเพาะปลูกถั่วเหลืองในสภาพพื้นที่ไร่ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม และจะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม การปลูกถั่วเหลืองของเกษตรกรในช่วงดังกล่าวจะมีพื้นที่ปลูกประมาณร้อยละ 29 ของพื้นที่ปลูกตลอดปี ผลผลิตคิดเป็นร้อยละ 28 ของผลผลิตทั้งปี ผลผลิตถั่วเหลืองที่ได้จากการปลูกถั่วเหลืองในช่วงต้นฤดูฝนมักมีคุณภาพต่ำ ความชื้นสูง เนื่องจากเก็บเกี่ยวในช่วงที่มีฝนตกชุก ผลผลิตส่วนใหญ่จึงเข้าสู่โรงงานสกัดน้ำมัน จังหวัดที่ปลูกถั่วเหลืองในช่วงดังกล่าว ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือตอนล่าง เช่น สุโขทัย, ตาก, อุตรดิตถ์, พิษณุโลก, กำแพงเพชร เป็นต้น
2. ถั่วเหลืองปลายฤดูฝน
เกษตรกรจะเพาะปลูกถั่วเหลือง ในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม และจะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ซึ่งมีพื้นที่ปลูกประมาณร้อยละ 22.5 ของพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองทั้งปี ผลผลิตคิดเป็นร้อยละ 20 ของผลผลิตทั้งปี โดยปลูกในสภาพพื้นที่ไร่ตามพืชต้นฤดูฝน เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียวผิวมัน เป็นต้น ถั่วเหลืองที่ผลิตได้ในช่วงนี้คุณภาพดีเพราะจะเก็บเกี่ยวในช่วงที่หมดฝน ผลผลิตที่ได้จะใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ของการปลูกถั่วเหลืองในฤดูแล้งของเกษตรกร หากปีใดผลผลิตถั่วเหลืองปลายฤดูฝนได้รับความเสียหาย เนื่องจากภัยธรรมชาติ ผลผลิตมีคุณภาพต่ำ มีผลทำให้การผลิตถั่วเหลืองฤดูแล้งของเกษตรกรมีแนวโน้มลดลง และมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เนื่องจากขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ปลูก เมล็ดพันธุ์มีราคาแพง และเกษตรกรจำเป็นต้องใช้เมล็ดพันธุ์ต่อไร่ในอัตราสูง จังหวัดที่ปลูกถั่วเหลืองในช่วงดังกล่าวมาก ได้แก่ สระแก้ว, ลพบุรี, อุทัยธานี, นครสวรรค์ เป็นต้น
3. ถั่วเหลืองฤดูแล้ง
เกษตรกรจะเพาะปลูกถั่วเหลืองในนาหลังการเก็บเกี่ยวข้าวในเขตชลประทาน ประมาณเดือนธันวาคม - มกราคม และเก็บเกี่ยวประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน ถั่วเหลืองที่ผลิตได้จะมีคุณภาพดีเหมาะสำหรับนำไปใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ และบริโภคในรูปของเต้าหู้ เต้าเจี้ยว ซีอิ้ว และน้ำนมถั่วเหลือง พื้นที่ปลูกถั่วเหลืองฤดูแล้งจะมีประมาณร้อยละ 48.5 ของพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองทั้งปี และมีผลผลิตประมาณร้อยละ 52 ของผลผลิตทั้งปี จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตที่สำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ , กำแพงเพชร , สุโขทัย , ชัยภูมิ , พิษณุโลก , ขอนแก่น เป็นต้น
กรรมวิธีการปลูก
การปลูก ปลูกได้ทั้งในสภาพดินที่มีการไถพรวนและไม่ไถพรวน แต่ต้องมีการระบายน้ำได้ดี และให้น้ำสม่ำเสมอ สำหรับสภาพพื้นที่ที่ไม่ได้ไถพรวนส่วนใหญ่ จะปลูกในฤดูแล้งหลังนาปี
1. การเตรียมดินปลูก ควรปรับดินให้สม่ำเสมอ โดยไถดิน 2 ครั้ง ไถลึก 15 - 20 เซนติเมตร
ตากดินไว้ 1 - 2 สัปดาห์ แล้วไถพรวน 1 - 2 ครั้ง ( ขึ้นอยู่กับสภาพดิน ) ปรับระดับหน้าดินใหม่สม่ำเสมอไม่ให้มีน้ำขัง และมีการขุดร่องโดยรอบแปลงเพื่อระบายน้ำได้สะดวก
2. การเตรียมเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูก โดยทำการทดสอบความงอกของเมล็ด และคลุกเชื้อไรโซเบียมก่อนปลูก โดยใช้อัตราเชื้อไรโซเบียม 200 กรัมต่อเมล็ดถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม
3. วิธีการปลูก วิธีการปลูกนั้นอาจปลูกเป็นหลุม โดยมีระยะปลูกระหว่างแถว x ระหว่างหลุม เป็น 50 x 20 , 25 x 25 , 30 x 20 เซนติเมตร หลุมละ 4 ต้น หรือโรยเป็นแถว โดยมีระยะระหว่างแถว ประมาณ 25 - 50 เซนติเมตร ให้มีจำนวนต้นประมาณ 20 ต้น ต่อความยาวของแถวประมาณ 1 เมตร อัตราเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ 12 - 25 กิโลกรัมต่อไร่ หรือปลูกโดยวิธีหว่าน โดยใช้เมล็ดพันธุ์ 15 - 20 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งนิยมปลูกในฤดูแล้ง ก่อนปลูกควรคลุกเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองด้วยเชื้อไรโซเบียม (เป็นเชื้อจุลินทรีย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความสามารถในการตรึงไนโตรเจนจากอากาศ ไปเป็นสารประกอบไนโตรเจน ซึ่งเป็นปุ๋ยแก่ต้นถั่วเหลือง) เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยลง นอกจากนี้ยังปลูกโดยโรยเป็นแถว โดยใช้เครื่องหยอด ซึ่งมีทั้งชนิดที่ใช้กับการเตรียมดิน โดยการไถพรวนและไม่ไถพรวน ควรใช้ระยะระหว่างแถวประมาณ 30 เซนติเมตร ให้มีจำนวนต้นประมาณ 20 ตันต่อระยะแถวยาวประมาณ 1 เมตร การใช้ระยะระหว่างแถว 30 เซนติเมตร จะสัมพันธ์กับการใช้เครื่องเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองแบบวางรายอย่างมีประสิทธิภาพ
การป้องกันกำจัดโรคพืช
โรคถั่วเหลืองที่สำคัญ คือ โรคราสนิม โรคแอนแทรกโนส การป้องกันกำจัดโรค ถั่วเหลืองควรป้องกันโดย
1. ใช้เมล็ดพันธุ์ที่ต้านทานโรค เช่น พันธุ์ สจ.5, สจ.4 เป็นต้น
2. ปลูกพืชหมุนเวียน
3. ถ้าระบาดรุนแรงควรใช้สารเคมี ไดเทนเอ็ม - 45 แมนเสทดี ฉีดพ่นประมาณ 3 ครั้ง โดยพ่น
ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 40 วัน และพ่นอีก 1 - 2 ครั้ง ตามความจำเป็น
การป้องกันกำจัดวัชพืช
การป้องกันกำจัดวัชพืชสามารถกระทำได้ 2 วิธี คือ
1. วิธีกล โดยใช้แรงงานคน สัตว์ ทำการถากถางไถพรวนกำจัดวัชพืช 1 - 2 ครั้ง ในระยะที่ต้นถั่วเหลืองอายุไม่เกิน 30 วัน
2. ใช้สารเคมี โดยพ่นสารเคมีหลังปลูกทันทีหรือหลังปลูก 1 - 2 วัน ก่อนที่วัชพืชงอก สารเคมีที่ใช้ให้ผลดี ได้แก่ ดูอัลชนิดน้ำ 40 % แลสโซ่ชนิดน้ำ 43.7 %
การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ควรมีการปฏิบัติที่ถูกต้องตั้งแต่การเก็บเกี่ยว ตาก ย้าย นวด ฯลฯ เพราะจะช่วยลดการสูญเสียเนื่องจากการปฏิบัติ วิธีการเก็บเกี่ยว อาจเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองตามอายุ และสังเกตสีของฝักโดยการตัดที่โคนต้น และนำมามัดรวมกันเป็นฟ่อน ตั้งเป็นกองทิ้งไว้โดยเอาโคนลงดิน จนกระทั่งใบร่วงประมาณ 5 - 7 วันก่อนนวด
การใช้ประโยชน์
ถั่วเหลืองสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนกล่าวคือ
1. ส่วนต่าง ๆ ของถั่วเหลือง คือ ใบ ลำต้น เปลือกเมื่อเก็บเกี่ยวและนวดเรียบร้อยแล้ว และไถกลบลงสู่ดินรวมทั้งปมที่ตกค้างในดินจะเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ดีที่สุด ในส่วนของเปลือกถั่วเหลืองนำมากองรวมกันใช้เพาะเห็ดที่เรียกว่า " เห็ดถั่วเหลือง " นำมาทำอาหารรับประทานได้
2. เมล็ดของถั่วเหลืองนำมาใช้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยเมล็ด ถั่วเหลืองจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารมนุษย์และสัตว์
ที่มา mof.or.th