วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การเพาะพันธุ์หอยนางรม

การเพาะพันธุ์หอยนางรม
 การเพาะพันธุ์หอยนางรม
ก่อนอื่นต้องนำพ่อแม่พันธุ์มาตรวจดูความสมบูรณ์ของไข่และน้ำเชื้อ โดยสุ่มมาผ่าดูอวัยวะเพศ สีของ Gonad จะมีสีครีมทั้งตัวผู้และตัวเมีย ไข่ที่เจริญเต็มที่จะกลม น้ำเชื้อว่ายน้ำได้แข็งแรง ถ้าไข่และน้ำเชื้อไม่แข็งแรงต้องทำการขุนพ่อแม่พันธุ์ สภาพที่สร้างโรงเพาะพันธุ์ อยู่ใกล้แหล่งที่สะอาด ความเค็ม 25-30 ppt

ระบบน้ำ 
น้ำทะเล ? ถังตกตะกอน ? sand filter ? ถังเก็บน้ำ ? เครื่องกรองละเอียด ?
บ่อพ่อ-แม่หอย (ไม่เกิน 5 ไมครอน) ?
บ่อเพาะพัก ? บ่อพักน้ำ ? เครื่อง U.V. ? ? ?
บ่ออนุบาล

การขุนพ่อแม่พันธุ์ 
นำพ่อแม่มาเลี้ยงในกระบะไม้กรุตัวอวนแขวนไว้ในบ่อดินหรือคลองส่งน้ำที่มีการถ่ายเทน้ำและควรนำพ่อแม่พันธุ์มาเลี้ยงให้สมบูรณ์ในถังหรือกระบะและให้อาหารเสริมซึ่ง ได้แก่ แพลงค์ตอนพืช ประมาณ 1-3 สัปดาห์

การกระตุ้นพ่อแม่พันธุ์ให้ปล่อยน้ำเชื้อและวางไข่ 
พ่อแม่พันธุ์หอยมาทำความสะอาด ขัดล้างสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ตามเปลือกออก นำมาใส่ในกระบะทิ้งไว้ 12-15 ชม. (1 คืน) โดยไม่ใส่น้ำ เช้าวันรุ่งขึ้นทำการเพาะโดยเปิดน้ำทะเลที่อุณหภูมิ 34-35 ํC ไหลผ่านกระบะ 1-2 ชม. สลับกับน้ำอุณหภูมิปกติ ทำประมาณ 3 ครั้ง จนกระทั่งหอยปล่อยน้ำเชื้อซึ่งมีลักษณะเป็นน้ำสีขุ่นขาว เป็นสาย และปล่อยไข่ซึ่งมีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ ปล่อยออกมาเป็นจังหวะ จึงแยกตัวผู้และตัวเมียออกจากกัน ในภาชนะคนละใบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ Polyspermy คือ ไข่ 1 ใบถูกผสมโดยน้ำเชื้อหลาย ๆ ตัว ซึ่งจะทำให้ไข่มีการเจริญเติบโตผิดปกติ จากนั้นกรองสิ่งสกปรกออกโดยใช้ตะแกรงขนาด 70-90 ไมครอน ไข่มีขนาด 50 ไมครอน จะลอดผ่านได้ ส่วนน้ำเชื้อมีขนาดเล็กมากให้ใช้ตะแกรง 30 ไมครอนกรองสิ่งสกปรกออก สุ่มนับน้ำเชื้อและจำนวนไข่แล้วจึงผสมไข่กับน้ำเชื้อเข้าด้วยกัน ในถังขนาด 20-25 ลิตร ทิ้งไว้ 5-10 นาที จากนั้นแบ่งลงในถังเลี้ยงให้มีความหนาแน่นประมาณ 10-15 ใบต่อมิลลิลิตร ให้อากาศเบา ๆ ไข่ที่ได้รับการผสมจะพัฒนาเป็นตัวอ่อนต่อไป
การเพาะพันธุ์หอยนางรม

การอนุบาลลูกหอยตะโกรม 
ถังอนุบาลควรมีขนาด 500 ลิตรขึ้นไป วันรุ่งขึ้นหลังจากทำการผสมพันธุ์ ลูกหอยจะเข้าสู่ระยะ D shape ควรทำการเปลี่ยนน้ำในถังอนุบาลและเปลี่ยนทุก ๆ 2-3 วันจนกว่าลูกหอยจะเข้าสู่ระยะเกาะวัสดุ การเปลี่ยนน้ำจะดูดน้ำออกผ่านผ้ากรอง ขนาดตั้งแต่ 35 ไมครอนขึ้นไป สังเกตลูกหอยที่สมบูรณ์ดี เมื่อถ่ายน้ำจะสังเกตลูกหอยจะติดค้างอยู่บนตะแกรงมีสีเข้ม ส่องกล้องจะเห็นกระเพาะอาหารสีเหลือง หรือน้ำตาลเข้ม อาจใช้ยาปฏิชีวนะ ซัลฟาเมท 33 ppm. ป้องกันและรักษาโรคจากเชื้อแบคทีเรีย ควรใช้เฉพาะเวลาจำเป็น นอกจากนี้ยังอาศัยเทคนิค อื่น ๆ เช่น การคัดขนาด กำหนดความหนาแน่น ชนิดและปริมาณอาหาร ความเค็ม อาหารและการให้อาหารแก่ลูกหอย อาหารของลูกหอยได้แก่แพลงตอนพืชเซลล์เดียวขนาดเล็กต่าง ๆ ที่สำคัญ คือ

Isochrysis galbana ซึ่งเป็นสาหร่ายสีน้ำตาลแกมทอง
Tetraselmis , Chlydomonas เป็นสาหร่ายสีเขียว และ
Chaetoceros calcitrans ซึ่งเป็นไดอะตอม เป็นต้น

การให้อาหารต้องมีประมาณพอเหมาะ ถ้าน้อยเกินไปจะไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ถ้าให้มากเกินไปจะมีผลยับยั้งอัตราการกรองกินอาหารของลูกหอยทำให้การเจริญเติบโตชะงักเช่นกัน หลักทั่วไปในการให้อาหารแก่ลูกหอยจะทำโดยให้ทีละน้อยและให้เพิ่มเป็นระยะ ๆ การให้อาหารทำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น

การอนุบาลทำได้หลายลักษณะ ได้แก่ 
1. ใช้ระบบ Upwelling และ Downwelling นิยมใช้กับลูกหอยที่เกาะเป็นตัวเดี่ยว ๆ น้ำทะเลที่ใช้อนุบาลลูกหอยในระบบนี้จะมีการไหลเวียนตลอดเวลาโดยเมื่อลูกหอยมีขนาดเล็กมากจะให้น้ำไหลเวียนในลักษณะ Downwelling เมื่อหอยมีขนาดประมาณ 1 mm. จะเปลี่ยนทิศการไหลเวียนของน้ำเป็น Upwelling ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยลดการสะสมของเสีย
2. วิธีแขวนลอย จะใช้กับหอยที่เกาะวัสดุล่อในลักษณะต่าง ๆ โดยพยายามไม่ให้ลูกหอยกองอยู่บนพื้นถัง ซึ่งเป็นบริเวณสะสมของเสีย
การนำลูกหอยขนาดเล็กเกินไปออกจากโรงเพาะฟักสู่แหล่งเลี้ยง ลูกหอยจะมีอัตรารอดต่ำมาก แต่การอนุบาลในโรงเพาะฟักนานเกินไปมักพบปัญหา เช่น เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่าย ยุ่งยากในการเตรียมอาหาร เป็นต้น

การเลี้ยงลูกหอยระยะเกล็ด 
เมื่อลูกหอยถึงระยะลงเกาะ (Setting or Metamorphosis) ลูกหอยจะแสดงอาการว่ายน้ำสลับกับลงไปคืบคลานเป็นระยะ ๆ จนไม่สามารถว่ายน้ำได้และเข้าเกาะวัสดุในที่สุด ดังนั้นเมื่อลูกหอยถึงระยะดังกล่าวจะต้องเตรียมวัสดุล่อลูกหอย ซึ่งอาจเป็นกระเบื้อง, แผ่น P V C,ไม้ไผ่, เปลือกหอยต่าง ๆ ฯลฯ โดยพิจารณาจากความสะดวกในการปฏิบัติงานในโรงเพาะฟักด้วย และวัสดุที่เคยใช้ล่อลูกหอยมาก่อนจะล่อลูกหอยได้ดีกว่าวัสดุที่นำมาใช้เป็นครั้งแรก

การเลี้ยงและการตลาด 
ถ้าเลี้ยงลูกหอยเกาะเป็นตัวเดี่ยว ๆ เมื่อหอยมีขนาดประมาณ 1 นิ้ว จึงเริ่มนำไปเลี้ยง ในแหล่งเลี้ยง ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น ติดกับหลักซีเมนต์ หรือติดเป็นพวงนำไปห้อยหรือทำเป็นกระบะแพวางเป็นชั้นดิน โดยให้สู่เหนือพื้น เพื่อไม่ให้หอยจมอยู่ใต้ดิน หรือของเสียที่สะสม และไม่ควรให้หอยพ้นน้ำนานเกินไปเมื่อน้ำลงต่ำสุด เพื่อให้หอยกรองอาหารได้ตลอดเวลา เลี้ยงจนได้ขนาด 8-9 cm. ซึ่งเป็นขนาดที่ตลาดต้องการ เมื่ออายุ 1ปีครึ่งขึ้นไป หากต้องการหอยที่มีขนาดใหญ่จะต้องเลี้ยงต่อไปจนมีอายุ 2-4 ปี การขายจะขายตามขนาดและความยาวของเปลือก เปลือกยาว 6-10 cm. ในราคา 4-6.50 บาทต่อตัว

ที่มา rakbankerd.com
---Advertisement---