วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

การปลูกมังคุด


การปลูกมังคุด
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับมังคุด
• พื้นที่ไม่มีน้ำท่วมขัง มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 0-650 เมตร มีความลาดเอียงประมาณ 1-3 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ควรเกิน 15 เปอร์เซ็นต์ การคมนาคมสะดวก ขนส่งผลผลิตได้รวดเร็ว
• ดินร่วนปนทราย ความอุดมสมบูรณ์สูง ระบายน้ำดี หน้าดินลึกมากกว่า 50 เซนติเมตร ระดับน้ำใต้ดินลึกมากกว่า 75 เซนติเมตร ค่าความเป็นกรดด่างของดินระหว่าง 5.5-6.5

• อากาศร้อนชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 10-46 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
• ปริมาณน้ำฝนมากกว่า 2,000 มิลลิเมตรต่อปี การกระจายตัวของฝนดี มีช่วงแล้งต่อเนื่องน้อยกว่า 3 เดือนต่อปี 
• มีน้ำสะอาดเพียงพอตลอดทั้งปี (ประมาณ 600-800 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่) ไม่มีสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ที่มีพิษปนเปื้อน ค่าความเป็นกรดด่างของน้ำระหว่าง 6.0-7.5 มีสารละลายเกลือไม่มากกว่า 1.4 มิลลิโมห์ต่อเซนติเมตร

การปลูกมังคุด
การเตรียมดิน
พื้นที่ดอน 
ไถพรวน ปรับพื้นที่ให้เรียบและขุดร่องระบายน้ำหากมีปัญหาน้ำท่วมขัง ถ้าเป็นพื้นที่ดอนที่เคยปลูกไม้ยืนต้นมาก่อน ไม่ต้องไถพรวน 
พื้นที่ลุ่ม
• พื้นที่มีน้ำท่วมขังไม่มาก นำดินมาเทกองตามผังปลูก สูงประมาณ 1.0-1.5 เมตร แล้วปลูกมังคุดบนสันกลางของกองดิน 
• พื้นที่มีน้ำท่วมขังมาก ยกร่องสวนให้มีขนาดสันร่องกว้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร ร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1 เมตร มีระบบระบายน้ำเข้า-ออกเป็นอย่างดี 
การเลือกต้นพันธุ์
เลือกต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเมล็ด มีความสมบูรณ์แข็งแรง อายุไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือมีความสูงมากกว่า 30 เซนติเมตร มีระบบรากสมบูรณ์ ไม่ขดหรืองอ 
ระยะปลูก
• ระบบสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะปลูกระหว่างแถวและต้น 8 x8 เมตร หรือ 10 x10 เมตร 
• ระบบแถวกว้างต้นชิด ระยะปลูกระหว่างแถวและต้น 8 x3 เมตร หรือ 10 x5 เมตร 

แบบเตรียมหลุมปลูก
• ขุดหลุมกว้าง ยาว ลึก ประมาณ 50 ? 50 ? 50 เซนติเมตร 
• ผสมดินปลูกด้วยหญ้าแห้ง ปุ๋ยคอก และปุ๋ยเคมี 
• ตากดินไว้ระยะหนึ่งจนดินยุบตัวคงที่ เติมดินผสมลงไปอีกจนเต็ม 
• ปลูกต้นพันธุ์ในหลุมให้รอยต่อระหว่างต้นพันธุ์และต้นตออยู่สูงกว่าระดับดิน กลบดินรอบต้นพันธุ์ให้แน่น 
• ผูกยึดต้นกล้ามังคุดติดกับไม้หลักเพื่อกันการโยกคลอนของต้น 
แบบนั่งแท่นหรือยกโคน
• ไม่ต้องขุดหลุมปลูก 
• วางต้นพันธุ์ แล้วขุดดินมากลบจนอยู่ในระดับเดียวกับผิวดินของต้นพันธุ์ ในลักษณะลาดเอียงออกไปโดยรอบรัศมีประมาณ 1 เมตร กลบดินให้แน่น 
• พรวนดินและขุดดินเพื่อขยายโคน ปีละ 1 ครั้ง จนเริ่มให้ผลผลิตจึงหยุด 

การดูแลรักษา

การพรางแสงสำหรับต้นเล็ก
• ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่นทางมะพร้าว ปักเป็นกระโจมคร่อมต้นมังคุด หรือ 
• ใช้ตาข่ายพรางแสง หรือ 
• ปลูกต้นไม่โตเร็วระหว่างแถวมังคุด ให้มีระยะห่างระหว่างต้นของไม้โตเร็วที่สามารถแผ่ทรงพุ่มพรางแสงให้ต้นมังคุดได้ประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ เช่น กล้วย และทองหลาง เป็นต้น 

การให้ปุ๋ย
• ปุ๋ยคอก อัตราเป็นบุ้งกี๋ต่อต้น (2.25 กิโลกรัม = 1 บุ้งกี๋) คิดเป็น 2 เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม (เมตร) ต่อการใส่ 1 ปี แบ่งใส่ 2 ครั้ง 
• ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตราเป็นกิโลกรัมต่อต้นต่อปี คิดเป็นเท่ากับเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม (เมตร) เช่น ต้นที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม 1 เมตร ใช้ปุ๋ย 1 กิโลกรัม โดยแบ่งใส่ 2-4 ครั้ง 
วิธีการใส่ปุ๋ย
แบบเตรียมหลุมปลูก
• ให้แบ่งปุ๋ยครั้งแรกรองก้นหลุมทั้งปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี 
• การใส่ปุ๋ยครั้งต่อไปปฏิบัติเช่นเดียวกันทั้งปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี ใส่โดยการโรยรอบต้น ให้ปุ๋ยห่างโคนต้นประมาณ 30 เซนติเมตร แล้วพรวนดินกลบปุ๋ย 
• การใส่ในครั้งต่อไปให้โรยปุ๋ยบริเวณรอยขอบของการพรวนดินกลบปุ๋ยในครั้งแรก แล้วพรวนดินกลบปุ๋ยในลักษณะของการขยายวงรอบต้นออกไป 
แบบนั่งแท่นหรือยกโคน
• ให้ปุ๋ยครั้งแรกเมื่อต้นมังคุดแตกใบอ่อนครั้งแรกแล้ว การใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีปฏิบัติเช่นเดียวกัน โดยวิธีการโรยรอบต้นห่างจากโคนต้นประมาณ 30 เซนติเมตร แล้วพรวนดินกลบปุ๋ย 
• การใส่ปุ๋ยครั้งต่อไป ให้โรยปุ๋ยบริเวณรอยขอบของการพรวนดินกลบปุ๋ยในครั้งแรก แล้วพรวนดินกลบปุ๋ยในลักษณะของการขยายวงรอบต้นออกไป 

การให้น้ำ
• ระบบการให้น้ำที่เหมาะสม ใช้ระบบการให้น้ำแบบหัวเหวี่ยงเล็ก 
• ความต้องการน้ำของมังคุดต้นเล็ก ประมาณ 0.6 เท่าของค่าอัตราการระเหยน้ำ (มิลลิเมตร/วัน) คูณด้วยพื้นที่ใต้ทรงพุ่ม เช่น ในภาคตะวันออก เมื่ออัตราการระเหยน้ำวันละ 3.8-5.7 มิลลิเมตร มีพื้นที่ใต้ทรงพุ่ม 1 ตารางเมตร เท่ากับการให้น้ำ 2.3-3.4 ลิตรต่อต้นต่อวัน 

การตัดแต่งและควบคุมทรงพุ่ม
มังคุดต้นเล็กไม่จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง นอกจากตัดกิ่งด้านล่างให้สูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร และกิ่งที่ซ้อนทับกันจนแน่นทึบออก

โรคที่สำคัญของมังคุด 

โรคใบจุด
สาเหตุเชื้อรา
ลักษณะอาการ ใบอ่อนเป็นจุดแผลสีน้ำตาล รูปร่างไม่แน่นอน ต่อมาบริเวณกลางแผลมีสีเทา เมื่อแผลขยายใหญ่ขึ้นจะทำให้ใบแห้ง มีผลกระทบต่อการสังเคราะห์แสงของใบ ทำให้ความสมบูรณ์ต้นลดลง
ช่วงเวลาระบาด ในช่วงฝนตกชุก ระยะใบอ่อนถึงเพสลาด
การป้องกันกำจัด พ่นคาร์เบนดาซิม 50 % WP อัตรา 10-15 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร

โรคจุดสนิม
สาเหตุ สาหร่าย
ลักษณะอาการ เป็นจุดนูนกลม ลักษณะคล้ายขนละเอียดบนใบ เริ่มแรกมีสีเขียว ต่อมาเป็นสีสนิม
ช่วงเวลาระบาด เมื่อความชื้นในบรรยากาศสูง
การป้องกันกำจัด พ่นด้วยคอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ 80 % WP อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร

แมลงและไรศัตรูที่สำคัญ

หนอนกินใบอ่อน
ลักษณะและการทำลาย
ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน ขนาด 3.0-4.5 เซนติเมตร หนอนมีขนาดประมาณ 2.5-3.5 เซนติเมตร สีเขียวแกมเหลือง เหมือนกับสีของใบอ่อนมังคุด กัดกินใบอ่อนในเวลากลางคืน ทำให้เสียพื้นที่ใบในการสังเคราะห์แสง มังคุดเจริญเติบโตช้า
ช่วงเวลาระบาด ระยะแตกใบอ่อน
การป้องกันกำจัด พ่นคาร์บาริล 85 % WP อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร

หนอนชอนใบ
ลักษณะและการทำลาย ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก 2.2-3.0 มิลลิเมตร หนอนมีขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตร สีนวลปนแดง ทำลายเฉพาะใบอ่อน โดยหนอนชอนเข้าไปอยู่ระหว่างผิวใบ ทำทางเดินและอาศัยเจริญเติบโตอยู่ภายในระหว่างผิวใบทั้ง 2 ด้าน ใบที่ถูกทำลายจะเห็นเป็นทางเดินของหนอนคดเคี้ยวไปมา ใบหงิกงอ ไม่เจริญเติบโต
ช่วงเวลาระบาด ระยะแตกใบอ่อน
การป้องกันกำจัด พ่นสารเคมี 2 ครั้ง ห่างกัน 10 วัน โดยใช้คาร์บาริล 85 % WP อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร

เพลี้ยไฟ
ลักษณะและการทำลาย เป็นแมลงขนาดเล็ก 0.7-1.0 มิลลิเมตร สีเหลือง หรือสีน้ำตาลอ่อน เคลื่อนไหวรวดเร็ว ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อน ดอก และผล ทำให้ใบแคระแกร็น แห้ง และไหม้ ส่วนผลเจริญเติบโตช้า ผิวผลมีรอยขรุขระเป็นขี้กลาก
ช่วงเวลาระบาด ระยะแตกใบอ่อน ดอก และผลอ่อนในช่วงอากาศแห้งแล้ง
การป้องกันกำจัด
• พ่นอิมิดาโคลพริด 10 % เอสแอล อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟิโปรนิล 5 % เอสซี อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือไซเพอร์เมทริน/ โฟซาโลน 6.25%/22.5% อีซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือคาร์โบซัลแฟน 20 % อีซี อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร 
• สำรวจเพลี้ยไฟ หลังพ่นครั้งแรก 1 สัปดาห์ หากยังพบปริมาณเพลี้ยไฟเกิน 1 ตัวต่อยอด ต้องพ่นสารเคมีซ้ำอีกครั้ง และควรสลับการใช้สารเคมีชนิดอื่น เพื่อป้องกันแมลงสร้างความต้านทาน

ไรแดง
ลักษณะและการทำลาย มีขนาดเล็กมาก สีน้ำตาลแดง เคลื่อนไหวไปมา มักระบาดควบคู่กับเพลี้ยไฟ ไรแดงจะดูดกินน้ำเลี้ยงที่ยอด ดอก และผลอ่อน ทำให้ดอก และผลอ่อนแห้ง ร่วงหรือเจริญเติบโตช้า มีผิวกร้าน
ช่วงเวลาระบาด ช่วงอากาศแห้งแล้ง
การป้องกันกำจัด พ่นด้วยโพรพาร์ไกด์ 30 % ดับบลิวพี อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือเฮกซีไทอะซอกซ์ 2 % อีซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร

การป้องกันกำจัดวัชพืช
• วัชพืชฤดูเดียว เช่น หญ้าขจรจบ หญ้าตีนนก เป็นต้น ตัดวัชพืชให้สั้นทุก 2-3 เดือน ด้วยเครื่องตัดหญ้าแบบต่าง ๆ หรือใช้สารกำจัด วัชพืช เช่น พาราควอท 27.6 % เอสแอล อัตรา 75-150 มิลลิลิตรผสมน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่วในพื้นที่ 1 ไร่หลังวัชพืชงอก เมื่อวัชพืชกำลังเจริญเติบโต และมีใบมาก และควรพ่นก่อนวัชพืชออกดอก ขณะพ่นควรมีแดดจัด ลมสงบ ระวังละอองสารสัมผัสใบและต้นมังคุด 
• วัชพืชข้ามปี เช่น หญ้าคา หญ้าชันกาด แห้วหมู เป็นต้น 
ตัดวัชพืชให้สั้นทุก 1-2 เดือน ด้วยเครื่องตัดหญ้าแบบต่าง ๆ หรือใช้สารกำจัดวัชพืช เช่น ไกลโฟเสท 48 % เอสแอล อัตรา 150-200 มิลลิลิตร หรือกลูโฟซิเนตแอมโมเนีย 15 % เอสแอล อัตรา 250-500 มิลลิลิตรผสมน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่วในพื้นที่ 1/4 ไร่ วิธีการพ่นและข้อควรระวัง เช่นเดียวกับการใช้ในวัชพืชฤดูเดียว 

การเก็บเกี่ยว
วิธีเก็บมังคุด
การเก็บเกี่ยวอย่างถูกวิธี ยึดหลักให้มังคุดช้ำน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะช่วยรักษาคุณภาพไว้ได้มาก เพราะผลมังคุด หากได้รับความกระทบกระเทือน เช่น ตกลงพื้นด้วยระยะเพียง 20 เซนติเมตร ในเวลาต่อมาผลจะแข็งและทำให้เนื้อเสียจนบริโภคไม่ได้ หรือใช้ดัชนีการเก็บเกี่ยว จากระดับสีของมังคุด
ในปัจจุบันเครื่องมือที่เกษตรกรใช้เก็บมังคุด มีอยู่หลายรูปแบบดังนี้
• ใช้จำปาสอย ทำจากไม้ไผ่ผ่าเป็น 5 แฉก ควรลบเหลี่ยมที่ปลายจำปาด้วย เพื่อป้องกันผลเกิดรอยแผล สอยมังคุดได้ครั้งละ 1-3 ลูก ต้องระวังอย่าให้ปลายไม้ตะแครง จะทำให้ผลมังคุดร่วงหล่นเสียหายง่าย วิธีนี้เก็บได้ช้าและค่อนข้างยุ่งยาก 
• เครื่องเกี่ยวแบบถุงกาแฟที่กรมวิชาการเกษตรทำขึ้น สามารถเก็บเกี่ยวได้ครั้งละ 5-7 ลูก ค่อนข้างจะปลอดภัยต่อการบอบช้ำ แต่ปัญหายุ่งยากคือ เครื่องมือชนิดนี้จะหนัก เป็นปัญหามากสำหรับการขึ้นต้นเก็บ ใช้ถุงกาแฟเก็บเกี่ยว ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด 
- ชนิดขอบกลม ชนิดนี้ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ครั้งละ 3-5 ลูก แต่มีข้อเสียคือ ไม่สามารถชอนเข้าไปสอยบริเวณซอกกิ่งแคบ ๆ ได้ และยังทำให้กิ่งมังคุดหักอีกด้วย 
- ชนิดขอบรูปไข่ ชนิดนี้เกษตรกรนิยมใช้กันมาก โดยเฉพาะในแถบตำบลตรอกนอง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ข้อดีของชนิดนี้คือ มีน้ำหนักเบา และสามารถเก็บผลในบริเวณกิ่งแคบ ๆ ได้ และไม่ทำให้กิ่งมังคุดหักติดมากับลูก 
• เครื่องเก็บเกี่ยวชนิดใหม่ของเกษตรกรที่ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี สามารถเก็บเกี่ยวมังคุดได้ครั้งละ 4-5 ลูก สะดวกในการชอนเข้าไปเก็บตามกิ่งต่าง ๆ และไม่ทำให้กิ่งมังคุดหักติดมากับลูก 
• ใช้ถุงผ้า (ย่าม) หรือตะกร้าขึ้นเก็บ วิธีนี้จะใช้เด็กตัวเล็ก ๆ หิ้วตะกร้า หรือสะพายถุงย่ามปีนขึ้นไปเก็บ การเก็บเกี่ยวโดยวิธีนี้ผลมังคุดจะเสียหายน้อย 

วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
• ควรทำความสะอาดโดยการล้างน้ำ เพื่อชำระฝุ่นละอองและคราบต่าง ๆ ที่ติดมากับผล 
• ผึ่งให้แห้ง หรือเช็ดผิวผลให้สะอาด 
• สำหรับมังคุดที่จะส่งจำหน่ายต่างประเทศ ควรแช่ผลมังคุดในสารละลายของเบน โนมีล (เบนเลท) ในอัตรา 1 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร หรือไธอาเบนดาโซล (พรอนโต 40) อัตรา 1.25 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร นานประมาณ 1-2 นาที แล้วผึ่งให้แห้ง จะช่วยลดการเน่าเสียของผลมังคุดอันเกิดจากเชื้อราเข้าทำลาย 
• คัดเลือกขนาดและบรรจุลงภาชนะที่จะส่งไปจำหน่าย 

---Advertisement---