น.ส.ดุจเดือน ศศะนาวิน เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า มะพร้าวอ่อนบริโภคสดหรือมะพร้าวน้ำหอม มีแนวโน้มการบริโภคเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา
โดยแต่ละปีไทยมีการส่งออกถึงปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง และออสเตรเลีย ขณะเดียวกัน ยังมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าวเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วย อาทิ น้ำมะพร้าวกระป๋อง ไอศกรีม พุดดิ้งมะพร้าว โดยใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบทำขนมป้อนตลาด ซึ่งช่วยผลักดันราคามะพร้าวให้สูงขึ้น ทำรายได้ให้เกษตรกร โดยมะพร้าวน้ำหอม 1 ต้น สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรนับ 10,000 บาท/ปี
และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับมะพร้าวสดไทยในตลาดโลก กระทรวงเกษตรฯได้เร่งส่งเสริมพัฒนายกระดับการผลิตมะพร้าวสดเข้าสู่มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ซึ่งปัจจุบันมีแปลงปลูกมะพร้าวอ่อนได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP แล้ว 1,622 แปลง เกษตรกร 1,578 ราย รวมพื้นที่กว่า 17,546.40 ไร่ จากที่ขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมด 1,853 แปลง เกษตรกร 1,792 ราย พื้นที่ 20,903.40 ไร่ โดยปีนี้กรมวิชาการเกษตรอยู่ระหว่างตรวจรับรองมาตรฐานเพิ่มเติมอีก 230 แปลง เกษตรกร 214 ราย พื้นที่รวม 3,357 ไร่ “กระทรวงเกษตรฯ ยังเร่งส่งเสริมการผลิตมะพร้าวอินทรีย์หรือออแกนิก เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคและมุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน มีการจัดการที่ดีภายในฟาร์มและเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลผลิตมะพร้าวจากสวนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้ง GAP หรือเกษตรอินทรีย์ จะมีโอกาสทางการตลาดสูง”
น.ส.ดุจเดือนกล่าวต่อว่า มะพร้าวสดและน้ำมะพร้าวไทยได้เปรียบคู่แข่งอย่างฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย เนื่องจากเป็นมะพร้าวน้ำหอมที่มีรสชาติดี ทำให้มีโอกาสทางการตลาดสูง โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกาและจีน ถือเป็นโอกาสดีของเกษตรกรทั้งการขายผลสดและการขายวัตถุดิบให้โรงงานหรือแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า.
thairath.co.th