วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การปลูกคื่นฉ่าย

การปลูกคื่นฉ่าย
คื่นฉ้ายเป็นผักที่ใช้ส่วนของใบและก้านใบรับประทานเป็นผักสด  เพราะมีกลิ่นหอม  กรอบและหวาน  นอกจากนี้ยังใช้ประกอบอาหารอื่น ๆ  ได้อย่างกว้างขวาง  คื่นฉ้ายมีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป  เอเชียและอาฟริกาเหนือ

ลักษณะโดยทั่ว ๆ  ไป
คื่นฉ้ายเป็นพืชที่อยู่ในตระกูล  Umbelliferae  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Apium  Craveolens  Linn  เป็นพืชผักล้มลุกที่ใบ  ก้านใบ  ลำต้น  รากและเมล็ดมีกลิ่นหอม

พันธุ์ที่ใช้ปลูก
คื่นฉ้ายที่ใช้ปลูก  มี  2  ชนิด  คือ

(1)คื่นฉ้ายพันธุ์จีน  มีก้านใบขนาดเล็ก  ใบ  1  ใบประกอบด้วยใบย่อย  3 – 7  ใบ  มีลำต้นสั้น

(2)คื่นฉ้ายพันธ็ฝรั่ง  มีก้านใบอ้วนหนายาวประมาณ  25 – 30  เซนติเมตร  ส่วนรูปร่างและขนาดใบใกล้เคียวงกับพันธุ์จีน

การเตรียมดิน
การเตรียมดินปลูกคื่นฉ้ายแบ่งเป็น  2  ตอน

(1) การเตรียมแปลงเพาะ  ขุดไถพรวนอย่างดี  ตากดินไว้ประมาณ  5 – 7  วัน  ย่อยหน้าดินให้ละเอียด  ใส่ปุ๋ย
คอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวแล้ว  คลุกเคล้ากับดินให้ทั่วแปลงเพราะกล้าควรมีขนาดกว้างประมาณ  1  เมตร  ยาวพอเหมาะตามความพอใจของผู้ปลูก

(2) การเตรียมแปลงปลูก   ขุดดินให้ลึกประมาณ  15 – 20  เซนติเมตร  ตากดินไว้  7 – 10  วัน  ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ย
หมักคลุกเคล้าในดิน  เพื่อปรับปรุงสภาพของดินทางกายภาพให้ดีขึ้น  พรวนและย่อยดินให้ละเอียด

การปลูก
(1) การเพาะกล้าคื่นฉ้าย   เอาเมล็ดคื่นฉ้ายผสมทรายในอัตราส่วน  1 : 10  แล้วหว่านลงบนแปลงเพาะ  เอาฟาง
แห้งหรือเศษหญ้าแห้งคลุมแปลงเพาะบาง ๆ  รดน้ำให้ทั่วถึงและสม่ำเสมอ  ต้องใช้เวลาเพาะนานถึง  50  วัน  ต้นจึงจะโตพอที่จะย้ายปลูกได้

(2) การปลูกต้นกล้า   หลังจากที่เพาะต้นกล้าจนได้ขนาดพอที่จะปลูกได้แล้ว  ให้ถอนย้ายต้นกล้าที่สมบูรณ์ปลูก
ลงบนแปลงปลูกที่ได้เตรียมไว้แล้ว  โดยใช้ระยะห่างระหว่างต้น  25  เซนติเมตร  และระยะระหว่างแถว  50  เซนติเมตร  แล้วรดน้ำให้ชุ่มคลุมแปลงด้วยฟางแห้งบาง ๆ  เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของแปลง

การดูแลรักษา
ควรมีการรดน้ำให้สม่ำเสมอและเพียงพอ  แต่อย่าให้แฉะเกินไปเพราะจะเน่าเสียหายได้  นอกจากนี้ถ้ามีวัชพืชเล็กน้อยควรป้องกันกำจัดโดยช้ามือถอน  เพื่อป้องกันการแย่งอาหารและน้ำจากพืชที่เราปลูก

การเก็บเกี่ยว
 หลังจากปลูกคื่นฉ้ายได้  90  วัน  หลังย้ายกล้ามาปลูกก็สามารถเก็บเกี่ยวได้โดยใช้มือถอน  และดินในแปลงแห้งควรมีน้ำให้ชุ่มชื้นเสียก่อน

ที่มา thaiagrinews.com

---Advertisement---