มะม่วงดอง
การทำมะม่วงดองนั้น คนไทยนิยมทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เพราะว่าเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่งเพื่อเก็บเอาไว้รับประทานได้นานยิ่งขึ้น และมะม่วงดองนั้น ยังมีรสชาติอร่อยอีกด้วย วันนี้จะมาแนะนำวิธีการทำ มะม่วงดอง เพื่อว่าจะได้นำไปใช้ได้ครับ
สูตรที่ 1
ส่วนผสมในการทำมะม่วงดอง
มะม่วงแก้ว 100 ผล
เกลือป่น 3.5 กิโลกรัม
น้ำสะอาด 17.5 กิโลกรัม
ปูนแดง 1 ถ้วยตวง
โซเดียมเบนโซเอท(ยากันบูด) 1.7 กรัม
วิธีทำมะม่วงดอง
1. มะม่วงแก้วดิบแก่จัด ล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง
2. เตรียมน้ำที่จะดอง โดยนำเกลือและปูนต้มกับน้ำให้เดือด กรองให้สะอาด ทิ้งไว้ให้เย็น ใส่โซเดียมเบนโซเอท คนให้เข้ากัน
3. เรียงมะม่วงลงในภาชนะที่จะดอง เทน้ำดองใส่ลงให้ท่วมมะม่วง ปิดฝาอย่าให้อากาศเข้าทิ้งไว้ 1 เดือน รับประทานได้
มะม่วงดองสูตรนี้จะเค็ม เนื่องจากเก็บไว้ได้นาน ถ้าจะนำไปรับประทานควรแช่น้ำเย็นไว้ 1-2 วัน และเปลี่ยนน้ำเสมอ จึงนำไปรับประทานหรือทำแช่อิ่มต่อไป
สูตรที่ 2
การทำมะม่วงดอง
ส่วนผสม
1. มะม่วงแก้วดิบ 10 กิโลกรัม
2. น้ำ 9 กิโลกรัม
3. เกลือ 1 กิโลกรัม
4. น้ำส้มสายชู 400 มิลลิลิตร (ซีซี)
5. กรดซิตริค 30 กรัม
6. แคลเซียมคลอไรด์ 20 กรัม
วิธีทำ
1. เลือกมะม่วงดิบสด และแก่จัดล้างน้ำให้สะอาด
2. ต้มน้ำเกลือ ( น้ำ 9 กิโลกรัม เกลือ 1 กิโลกรัม กรดซิตริค 30 กรัม แคลเซียมคลอไรด์ 20 กรัม) ต้มให้เดือดปิดไฟจึงใส่น้ำส้มสายชูทิ้งไว้ให้อุ่น
3. นำมะม่วงบรรจุลงในภาชนะ แล้วเทน้ำดองที่เตรียมไว้ ลงไปให้ท่วมมะม่วง
4. ใช้ถุงพลาสติกที่สะอาดใส่น้ำทับไว้ไม่ให้มะม่วงลอย ดองไว้ 20-30 วันก็ใช้ได้
เคล็ดลับเพื่อความปลอดภัยในการทำมะม่วงดอง
วิธีการดองเริ่มจากการล้างทำความสะอาดมะม่วงก่อน เพื่อลดปริมาณจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนมากับมะม่วง ภาชนะที่เหมาะสมในการดองควรเป็นพลาสติกเกรดเอที่มีปากแคบ เพื่อความสะดวกในการควบคุมปริมาณอากาศเหนือผิวน้ำเกลือ ลดการเน่าเสียของมะม่วงดอง ส่วนของน้ำเกลือที่ใช้ในการดองสัดส่วน 1:1 คือ ถ้าใช้มะม่วง 10 กิโลกรัม ต้องใช้น้ำเกลือในการดอง 10 กิโลกรัม เช่นกัน และส่วนผสมของน้ำเกลือจะมีความเข้มข้นของเกลือ 10 % ในการผลิตปริมาณมากและต้องมีอายุการเก็บนาน จะต้องมีการเติมสารเคมีซึ่งไม่เป็นอันตรายคือ แคลเซียมคลอไรด์ ซึ่งเป็นตัวทำให้มะม่วงดองมีเนื้อแน่นและกรอบ และโปตัสเซียมเบต้าซัลไฟด์ เพื่อช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ที่อาจหลุดรอดมาได้และทำให้มะม่วงมีสีเหลืองสวย อย่างไรก็ตามสารทั้ง2 ชนิดนี้ จะต้องใส่ในปริมาณที่เหมาะสม
ที่มา
ssnet.doae.go.th
krunid.com
bangkok-guide.z-xxl.com